วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประชาสัมพันธ์โรงเรียนหลวงพ่อเพชรวิทยา

วิสัยทัศน์..โรงเรียนหลวงพ่อเพชรวิทยา เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ผู้เรียนมีคุณธรรมนำความรู้ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง  มีคุณภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐาน โดยความร่วมมือของบุคลากร มืออาชีพกับชุมชน
พันธกิจ..1. พัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่เน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี
          2. จัดกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นคุณธรรม ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
          3. ส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูและบุคลากรได้รับการพัฒนาด้วยวิธีการที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง
          4. ประสานขอความร่วมมือกับองค์กรทุกภาคส่วนที่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
ปรัชญา.. “ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต    ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก” 
คติพจน์..  ตั้งใจศึกษา  พัฒนาสังคม อบรมตนดี  วิถีบัณฑิต
                  ประวัติโรงเรียนและก่อตั้งโรงเรีย
                                .      สถานที่ตั้ง
                                โรงเรียนหลวงพ่อเพชรวิทยา  ตั้งอยู่เลขที่  ๖๗๔  ถนนบุษบา วัดท่าหลวง  (พระอารามหลวง) ตำบลในเมือง  อำเภอเมือง  จังหวัดพิจิตร  ๖๖๐๐๐ ซึ่งอยู่ในบริเวณของวัดท่าหลวง  ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา  ซึ่งเป็นการจัดการศึกษาสำหรับพระภิกษุสามเณร  ได้เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย  เริ่มเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่  วันที่ ๑๖  พฤษภาคม  พุทธศักราช ๒๕๔๓  ใบอนุญาตเลขที่ ๒๕/๒๕๔๓  ลง ณ  วันที่  ๑๖  พฤษภาคม  พุทธศักราช  ๒๕๔๓  ลงลายมือชื่อ  นายไพบูลย์  เสียงก้อง  อธิบดีกรมการศาสนา
                                .     ความเป็นมา
                                โรงเรียนหลวงพ่อเพชรวิทยา  นั้นเดิมเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมพระทีฆทัสสีมุนีวงศ์ เปิดการเรียนการสอนแผนกธรรม  บาลี แก่พระภิกษุสามเณร  จนกระทั่งปี พุทธศักราช  ๒๕๔๓  พระเดชพระคุณพระสุทัสสีมุนีวงศ์ (นามเดิม)  เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง  ได้มีนโยบายที่จะส่งเสริมการศึกษาของคณะสงฆ์ขึ้นมาโดยเฉพาะ จึงได้จัดประชุมคณะสงฆ์และกรรมการของวัดในเรื่องนี้  และได้แนวสรุปว่าจะดำเนินการ  เปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาซึ่งเป็นการเรียนทั้งทางธรรมและทางโลกควบคู่กันไป  ซึ่งเป็นการเรียนการสอนสำหรับพระภิกษุสามเณร  โดยจัดการเรียนการสอนเป็น    ระดับคือ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม. 1-3)  และระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย  (ม. 4-6)
                                ดั้งนั้น จึงได้จัดสรรงบประมาณในการซ่อมแซมอาคารโรงเรียนและบริเวณอาคารสถานที่เป็นเงินทั้งสิ้น ๘๕๐,๐๐๐ (แปดแสนห้าหมื่นบาทถ้วน และได้ดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนหลวงพ่อเพชรวิทยาและยังจัดสรรเงินเพื่อใช้ในโรงเรียนประมาณสองล้านบาทถ้วน  เพื่อการบริหารเงินเดือนจัดซื้อเครื่องวัสดุครุภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการศึกษา
     ซึ่งได้รับการอนุญาตและอนุมัติให้เป็นโรงเรียนในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม  พุทธศักราช  ๒๕๔๓  ได้ชื่อเป็นทางการว่า “ โรงเรียนหลวงพ่อเพชรวิทยา” 
       ผู้บริหารโรงเรียนปัจจุบัน
.  พระราชวิจิตรโมลี    (บุญมี ปริปุณโณ)           เป็นประธานที่ปรึกษา
.  พระครูศรีปริยัติวิสิฐ  ( พระมหาสุพิน  ธมฺมวิริโย)    ผู้จัดการ
.  พระเมธีธรรมประนาท (พระมหาปรีชา ปฏิภาณเมธี)  ผู้อำนวยการ
พระครวชิรพุทธานุกูล  (พระมหาวิรัช  วิโรจโน)   รองผู้อำนวยการ    
     โดยแยกกลุ่มบริหารดังต่อไปนี้
พระปลัดณรงค์ธรรม  กตธมฺโม    หัวหน้ากลุ่มบริหารวิชาการ
พระสมุห์สมนึก       ฐิตสาสโน    หัวหน้ากลุ่มบริหารทั่วไป
พระมหาชิตพล       อตฺตคุตฺโต   หัวหน้ากลุ่มบริหารงานบุคคล
บุคลากรบรรพชิต  10  รูป และคฤหัสถ์..5 คน    จำนวนนักเรียน.. 149  รูป
ได้เปิดการเรียนการสอนแบบ 2 แผนก
แผนกทางโลก เรียนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ของกระทรวงศึกษาธิการ ทั้ง 8 กลุ่มสาระ ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์  สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม  สุขศึกษาและพลศึกษา   ศิลปะ  การงานอาชีพและเทคโนโลยี  และภาษาอังกฤษ
แผนกทางธรรม ได้แก่ หลักสูตรปริยัติธรรม คือ เรียนนักธรรมตรี-โท-เอก , เรียนภาษาบาลี ประโยค 1-2  เปรียญธรรม 3 ประโยค และเปรียญธรรม 4 ประโยค เป็นต้น    ทุกกลุ่มสาระได้บูรณาการศึกษาเข้ากับหลักสูตรภูมิปัญญาท้องถิ่นจังหวัดพิจิตร
รูปแบบการเรียนการสอน...ม.ต้นและม.ปลาย
ภาคเช้า เรียนวิชาภาษาบาลี   เวลา 08.30 – 10.50 น.
ภาคเที่ยง เรียนวิชาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน  8 กลุ่มสาระ   เวลา  12.00 – 17.00 น. 
ภาคค่ำ ท่องแบบไวยากรณ์ภาษาบาลีหรือแปลภาษาบาลีมคธเป็นไทย เวลา  18.30 – 21.00 น.
รูปแบบการเรียนแบบไตรสิกขา (ศีล ดี ,สมาธิ สุข  ,ปัญญา เก่ง ) 
 1 . ด้านศีล (ดี) จัดการศึกษาดังนี้   1. จัดระเบียบแถวก่อนเรียน สวดมนต์ทุกเช้า 2. กิจกรรมสร้างความสามัคคีระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง   3.ปลูกจิตสำนึกการพัฒนาสังคม ความกตัญญูกตเวที อันเป็นวิถีบัณฑิตที่ตนตั้งเป้าหมายไว้
2.  ด้านสมาธิ (สุข) จัดการศึกษาดังนี้  1. จัดให้มีทำวัตร สวดมนต์  ทุกเย็นที่พระอุโบสถหรือที่หอฉัน  2. เจริญสมาธิ  3.  สามเณรนักเรียนทุกรูปปฏิบัติธรรมประจำปีนอกสถานที่  3 วัน
3. ด้านปัญญา (เก่ง) คือ ฟัง  คิด  ฝึกประสบการณ์ จัดการศึกษาดังนี้  
การฟัง ได้แก่ ฟังบรรยายจากการเรียนการสอนทั้งจากครูประจำ  ครูพิเศษ  และวิทยากร  
การคิด ได้แก่   1. จัดห้องสมุดเป็นแหล่งเรียนรู้ สำหรับค้นคว้าหาข้อมูลได้  2. จัดนิทรรศการตามแต่ละห้องตามกลุ่มสาระ ให้นักเรียนได้ศึกษาตามแต่สนใจ    3. นำนักเรียนศึกษาแหล่งการเรียนรู้ ยาสมุนไพรของโรงเรียน
ฝึกประสบการณ์ ได้แก่   1. นักเรียนทุกรูปไปทัศนศึกษานอกสถานที่ภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง   เป็นอย่างน้อย  
2. นักเรียนทุกรูปปฏิบัติธรรมประจำปี   ตามสถานที่ต่างๆ 
 กิจกรรมการจักการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน  8 กลุ่มสาระ   
-                   กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย    
จะทำให้ผู้เรียนได้รู้ทักษะจาการฟัง พูด อ่าน เขียน ได้อย่างคล่องแคล่วและสร้างสรรค์
-                   กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์  
         จะทำให้ผู้เรียนอย่างมีความสุข  ด้วยกระบวนการแบบประยุกต์ ทำให้นักเรียนเรียนรู้การคิดได้เป็นอย่างดี
-                   กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
  ศาสตร์แห่งเหตุและผล จะทำให้ผู้เรียนเข้าจะใจธรรมชาติมากขึ้นและรักพระพุทธศาสนามากขึ้น เพระหลักวิทยาศาสตร์ เป็นหลักที่สอดคล้องกับหลักเหตุและผลของคำสอนในทางพระพุทธศาสนา 
-                   กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
   ประกอบด้วย วิชาสังคมศึกษา  วิชาพระพุทธศาสนา  วิชาประวัติศาสตร์    จะทำให้ผู้เรียนได้ประสบการณ์อันน่าประทับใจ ด้วยการเรียนการสอนทั้งในและนอกสถานที่  เมื่อการศึกษาผู้เรียนจะได้รู้จักดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข และเป็นผู้นำในสังคม
-                   กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา  
     ผู้เรียนได้เรียนเกี่ยวกับรักษาสุขภาพด้วยวิธีต่างๆ  การออกกำลังกายตามสมณสารูปแบบวีถีพุทธ  จะทำให้ผู้เรียนมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดี เหมาะแก่ความเป็นสมณะ
-                   กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
   เป็นวิชาแห่งจินตนาการ  ผู้เรียนจะได้เรียนทักษะแห่งการวาดรูป  งานด้านพุทธศิลป์ต่างๆ   เพื่พัฒนาจิตของผู้เรียนให้เป็นผู้มีสมาธิและสามารถผลิตผลงานด้านพุทธศิลป์ได้อย่างวิจิตร
-                   กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี 
ประกอบด้วย วิชางานฝีมือ  งานประดิษฐ์   งานช่าง    งานคอมพิวเตอร์  และงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา  ผู้เรียนจะได้ฝึกทางด้านฝีมือการงานอาชีพและเทคโนโลยี   ทำหน้าที่เป็นศาสนทายาทอย่างเต็มที่  พร้อมที่ศึกษาต่อและดำเนินชีวิต ได้อย่างเต็มภาคภูมิในสังคม
-                   กลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างประเทศ
    วิชาภาษาอังกฤษ วิชาสู่ความรู้สู่สากล  ผู้เรียนจะได้เรียนภาษาอังกฤษครบทั้ง 4 ทักษะ ฟัง พูด  อ่าน และเขียน
            วิชาภาษาบาลี  (ภาษาพุทธพจน์) ผู้เรียนจะได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ผ่านทางภาษาบาลี
-                      จุดเน้นของโรงเรียน  (เป้าประสงค์ของโรงเรียน)  
1.       ผู้เรียนได้เรียนรู้ได้อย่างมีความสุข    มีคุณธรรม   มีคุณภาพตามหลักสูตร    ตามมาตรฐานการศึกษา
2.       ครู มีความรู้ความสามารถ  มีทักษะในการจัดกระบวนการเรียนการสอน อย่างมีประสิทธิภาพ
3.       ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
4.       โรงเรียนได้รับการสนับสนุนทรัพยากรเพิ่มขึ้น
-                   เรามีความมุ่งมั่น ที่จะพัฒนาสถานศึกษา ให้เป็นแหล่งเรียนรู้   โดยจัดห้องสมุด เป็นแหล่งค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม   ห้องคอมพิวเตอร์   ห้องวิทยาศาสตร์   ห้องพยาบาล    สวนสมุนไพรโรงเรียน   และแหล่งการเรียนรู้ของทางวัดหรือนอกสถานศึกษา คือ องค์หลวงพ่อเพชร   ศิลปะปูนปั้นรามเกียรติ์รอบศาลาบริหารคณะสงฆ์จังหวัดพิจิตร    ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่พิพิธภัณฑ์จังหวัดพิจิตร   และบึงสีไฟ
-                    นอกจากกิจกรรมการเรียนการสอนของโรงเรียนแล้ว   นักเรียนทุกรูปจะได้รับไปทัศนศึกษาฟรีตามที่โรงเรียนจัดให้   บริการห้องสมุด  ถวายสมุด ปากกา   หนังสือยืมเรียน   กระเป๋าหนังสือ   ผ้าไตรจีวร  ที่นอน  ภัตราหารเพลและน้ำปาณะทุกเย็น  ฟรีตลอดการศึกษา  แล้วได้รับการดูแล ตรวจสุขภาพ โดยสาธารณสุข โรงพยาบาลพิจิตร   , ได้รับการบรรพชาสามเณรร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรและคณะสงฆ์จังหวัดพิจิตร  โดยได้ผ้าไตรพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร  ,  มีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่เรียนดีและประพฤติดี  , มีทุนการศึกษาของมุลนิธิพระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์  วัดท่าหลวงพระอารามหลวง   สำหรับนักเรียนที่สอบผ่านภาษาบาลี     ,  ม. 3 และ ม. 6   มีโคตาสถานศึกษา ที่มีชื่อเสียงศึกษาต่อ  
-                   แนวทางการศึกษาต่อ    จบม. 3 หรือ ม. 6   มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่าสถาบันการศึกษาอื่นๆ ทุกประการ รับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการ      จบ ม. 6 มีโคตาต่อมหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
-                   ด้วยการพัฒนาสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง   จึงทำให้โรงเรียนได้รับรางวัลเกียรติยศต่างๆ มากมาย

CONCLUSIONโรงเรียนหลวงพ่อเพชรวิทยา พร้อมแล้วที่จะพัฒนาศาสนทายาทในพระพุทธศาสนา  ให้เป็นผู้มีความขยัน อดทน  เพราะเป็นหลักธรรมพื้นฐาน ของความสำเร็จทุกประการ  สมดั่ง ปรัชญาสถานศึกษาที่ว่า 
                                  “ปญฺญา โลกสฺมิ  ปชฺโชโต     ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก”   (พูดจบ)
  เสียงดนตรี  ภาพ ตัวหนังสือ   (ผู้สนับสนุนการศึกษา)   โรงเรียนหลวงพ่อเพชรวิทยา  ,สำนักงานพระพุทธศาสนา   ,  วัดท่าหลวง พระอารามหลวง  จังหวัดพิจิตร ,  กระทรวงวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตร ,องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร , ข้าราชการภายในจังหวัดพิจิตร , 

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

BBMTOUR(พุทธบารมีทัวร์)

BBMTOUR(พุทธบารมีทัวร์) 
จัดโปรแกรมเอาใจคนชอบแสวงหาความแตกต่างและให้รางวัลแก่ชีวิต โดยพาครับครัวไปพักผ่อน ช่วงปิดเทอมด้วยการเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ที่เวียดนาม  ชมร่องรอยสงครามที่อุโมงค์วินมอกค์  ล่องเรือพร้อมกับฟังเพลงพื้นบ้านเมืองเว้  ดูความเจริญเติบโตทางธุรกิจที่เมืองท่าดานัง สัมผัสเมืองเก่ามรดกโลก สะพานรักเมืองฮอยอาน   โปรแกรม 4 วัน  3 คืน
โปรแกรม   วันที่  15 -18  ตุลาคม 2554    http://bbmtour.com/programtour.php?id=23
โปรแกรม   วันที่  21 -24  ตุลาคม  2554   http://bbmtour.com/programtour.php?id=29
ด้วยราคาเพียง  6,500 บาท  
รถรับที่ขอนแก่น  จองด่วน  รับจำนวนจำกัด
ดูรายละเอียดหรือโปรแกรมทั้งหมดที่ www.bbmtour.com
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ คุณสุริยันต์  สุริยโชติกุล  083-288-9993  ,088-557-3430

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ประวัติหลวงพ่อเพชร

ตำนานหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชัดแน่นอน เพียงแต่มีตำนานเล่าขานกันสืบมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาลว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้เกิดขบถจอมทองเมืองเชียงใหม่ กองทัพกรุงศรีอยุธยาจึงได้ไปปราบปรามจองทอง เมื่อเดินทัพมาถึงเมืองพิจิตร แม่ทัพก็ได้สั่งให้หยุดพักรี้พลที่เมืองพิจิตร ซึ่งทางเจ้าเมืองพิจิตรก็ได้ให้การต้อนรับปฏิสันถารเป็นอย่างดี ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่กองทัพเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกองทัพกรุงศรีอยุธยาหายเหนื่อยแล้ว จึงออกเดินทางจากเมืองพิจิตร แต่ก่อนที่จะจากกันเจ้าเมืองพิจิตรได้ไปปรารภกับแม่ทัพว่า ถ้าปราบขบถเสร็จเรียบร้อยดีแล้วขอให้หา พระพุทธรูปงาม ๆ มาฝากสักองค์หนึ่ง ฝ่ายทางแม่ทัพเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ยุ่งยากนัก จึงรับปากว่าจะหามาให้ตามความต้องการ หลังจากนั้นก็มุ่งสู่จอมทอง เมื่อไปถึงได้ปราบขบถจอมทองจนราบคาบ ก่อนเดินทางกลับกรุงศรีอยุธยาก็นึกถึงคำร้องของเจ้าเมืองพิจิตร จึงอัญเชิญหลวงพ่อเพชรจากจอมทองมาด้วย โดยประดิษฐานบนแพลูกบวบล่องมาตามลำน้ำแม่ปิง เมื่อมาถึงเมืองกำแพงเพชรก้ได้ฝากหลวงพ่อเพชรไว้กับเจ้าเมืองกำแพงเพชร ต่อมาเมื่อเจ้าเมืองพิจิตรทราบข่าวจึงพร้อมด้วยชาวเมืองพิจิตรเป็นจำนวนมาก ได้อัญเชิญองค์หลวงพ่อเพชรมาประดิษฐานไว้ ที่วัดนครชุม (เมืองพิจิตรเก่า) ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตรซึ่งนำความชื่นชมโสมนัสมาสู่ชาวพิจิตรเป็นอย่างมาก

จนกระทั่งถึงปีพุทธศักราช ๒๔๔๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕มีพระราชประสงค์จะหาพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามเพื่อนำไปไว้ที่วัดเบญจมบพิตร จังหวัดพระนคร เจ้าพระศรีสุริยศักดิ์ สหมุเทศาภิบาล มณฑลพิษณุโลก จึงได้สั่งให้หระยาเทพาธิบดี (อิ่ม) เจ้าเมืองพิจิตร ขณะนั้นแสวงหาพระพุทธรูปที่สวยงามตามพระราชประสงค์ เมื่อได้รับคำสั่งดังนั้นพระยาเทพาธิบดีจึงออกตรวจดูพระพุทธรูปทั่ว ๆ ไปในเมืองพิจิตร ก็พบว่าองค์หลวงพ่อเพชรเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามตามพระราชประสงค์ และเพื่อสะดวกในการขนย้าย จึงได้จ้างชาวณวนคนหนึ่งชื่ออาง ทำการทะล่วงหุ่นดินภายในองค์หลวงพ่อเพชรการทะลวงหุ่นดินนั้นก็เพื่อต้องการให้น้ำหนักเบา แล้วนำขึ้นเกวียนมาลงเรือชะล่า มีปรำลากจูงด้วยเรือพาย และเมื่อมาถึงเมืองพิษณุโลกก็เทียบท่าอยู่หน้าวัดพระศรีมหาธาตุหลังจากนั้นเจ้าเมืองพิจิตร พระยาเทพาธิบดี ก็ได้ไปกราบเรียนสมุหเทศาภิบาลว่า ได้นำองค์หลวงพ่อเพชรมาถึงเมืองพิษณุโลกแล้ว และกราบเรียนต่อไปว่า การนำหลวงพ่อเพชรมาครั้งนี้ชาวเมืองพิจิตรทุกคนมีความโศกเศร้าเสียใจเป็นอันมาก เพราะเสียดายในองค์หลวงพ่อเพชรในฐานะที่เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่เดิม เมื่อได้ทราบดังนั้น สมุหเทศาภิบาลจึงได้โปรดทราบตรวจดูพระพุทธรูปก็เห็นว่างดงานจริง ๆ ดังคำบอกเล่าของเจ้าเมืองพิจิตร แต่มีขนาดองค์ใหญ่โตเกินไป อีกประการหนึ่งก็เห็นว่าเป็นการทำลายจิตใจของชาวเมืองพิจิตรจึงได้สั่งให้เจ้าเมืองพิจิตรนำกลับไปไว้ที่เมืองพิจิตรตามเดิมการนำเอาหลวงพ่อเพชรกลับมายังเมืองพิจิตรคราวนี้นั้น ไม่ได้นำไปไว้ที่อุโบสถที่วัดนครชุมเหมือนเดิม แต่นำมาไว้ที่วัดท่าหลวง โดยทำปรำคลุมไว้เป็นการชั่วคราว เมื่อประชาชนรู้ข่าวการนำองค์หลวงพ่อเพชรกลับมาที่เมืองพิจิตรต่างก็พากันมาปิดทองนมัสการอยู่ที่วัดท่าหลวง จึงได้ปรึกษาหารือกันจะแห่แหนหลวงพ่อเพชรกับไปวัดนครชุมอย่างเดิมส่วนราษฎรทางเมืองใหม่เห็นว่า เมืองพิจิตรได้ย้ายมาตั้งใหม่แล้ว หลวงพ่อเพชรก็ควรจะอยู่เป็นมิ่งขวัญของชาวเมืองใหม่ด้วย จึงไม่ยินยอมให้ชาวเมืองเก่านำกลับไปวัดนครชุมเหตุการณ์ตอนนี้มีผู้เล่าขานว่า ขนาดเกิดการยื้อแย่งกัน และถึงขั้นการเตรียมอาวุธเข้าประหัตประหารกัน เดือดร้อนถึงพระธรรมทัสสีมุนีวงศ์ (เอี่ยม) เจ้าคณะจังหวัดพิจิตรในขณะนั้น ต้องออกห้ามทัพด้วยเดชะบารมีขององค์หลวงพ่อเพชร ประกอบกับชาวเมืองพิจิตรเคารพนับถือท่านมาก ศึกครั้งนั้นจึงยุติลง และได้ชี้แจงว่าจะหล่อหลวงพ่อเพชรจำลองเท่ากับขนาดองค์จริงเพื่อนำกลับไปให้ชาวเมืองเก่าแทนองค์หลวงพ่อเพชรองค์จริง ส่วนหลวงพ่อเพชรองค์จริงนั้นขอให้ประดิษฐานไว้ที่วัดท่าหลวงซึ่งท่านเป็นเจ้าโอวาสอยู่ และถ้าชาวเมืองเก่าจะมานมัสการก็ไม่ไกลเกินไปนัก ชาวเมืองพิจิตรก็เชื่อฟังแต่โดยดีไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

หลวงพ่อเพชร จึงประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าหลวงตราบเท่าทุกวันนี้อีกเหตุกรณ์หนึ่งที่ หลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง ได้ประดิษฐานที่วัดท่าหลวงนั้น มีคนเล่าสืบต่อกันมาว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์จะอัญเชิญพระพุทธชินราชจากวัดศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก ไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดเบญจมพิตร ซึ่งพระองค์ได้โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ พระองค์จึงมีพระกระแสรับสั่งให้สืบหาพระพุทธรูปที่มีลักษณะที่งดงามสมควรที่จะนำไปแทนพระพุทธชินราชได้ จึงมีคำสั่งให้เจ้าเมืองพิจิตรนำองค์หลวงพ่อเพชรไปยังเมืองพิษณุโลก ข่าวการที่ราชการจะนำ องค์"หลวงพ่อเพชร"ไปล่วงรู้ไปถึงประชาชน ต่างพากันเสียดายและหวงแหนองค์หลวงพ่อเพชรเป็นอันมาก จึงได้คบคิดกับนายอาง ซึ่งเป็นชาวญวนจัดการทะลวงหุ่นดินภายในองค์หลวงพ่อเพชรออก เพื่อให้น้ำหนักเบาสะดวกในการขนย้าย เมื่อจัดการทะลวงหุ่นดินออกแล้วก็ช่วยกันย้ายองค์หลวงพ่อเพชรไปซ่อนไว้ในป่า และเคลื่อนย้ายไปเรื่อย ๆ มิได้หยุดหย่อนข่าวการนำองค์หลวงพ่อเพชรเคลื่อนย้าย หาได้พ้นการติดตามและค้นหาของเจ้าหน้าที่ทางบ้านเมือง ผลที่สุดก็ใช้อำนาจบังคับให้นำองค์ หลวงพ่อเพชร มาจากเมืองเก่า และได้นำมาพักไว้ชั่วคราวที่วัดท่าหลวง เพื่อรอการนำไปยังเมืองพิษณุโลกชาวเมืองพิษณุโลกก็เช่นเดียวกันกับชาวเมืองพิจิตร เมื่อทางราชการจะนำองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราชไปจากพวกเขา ต่างก็พากันหวงแหนโศกเศร้าเสียใจ ร้องให้กันทั่งเมือง เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก ทานเจ้าคุณสมุหเทศาภิบาล จึงไดนำความเรื่องนี้ขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพระองค์ทรงทราบก็เห็นใจชาวเมืองพิษณุโลก จึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ระงับการนำพระพุทธชินราชไปกรุงเทพฯ โดยจะหล่อพระพุทธชินราชจำลองประดิษฐานในพระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรแทน เมื่อหลวงพ่อพุทธชินราชไม่ได้เคลื่อนย้ายไปกรุงเทพฯ หลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง จึงประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร จนกระทั่งปัจจุบันนี้

กำหนดวันสอบธรรมสนามหลวง ประจำปีการศึกษา 2554

มหาเถรสามคมได้มีมติเห็นชอบกำหนดวันสอบธรรมสนามหลวง ประจำปีการศึกษา 2554 ดังนี้
1. นักธรรมชั้นตรี กำหนดสอบวันที่ 6-9 ตุลาคม 2554 รวม 4 วัน ๆ ละ 1 วิชา เริ่มสอบเวลา 13.00 น. ทั้ง 4 วันให้เวลาวิชาละ 3 ชั่วโมง
2. นักธรรมชั้นโท กำหนดสอบวันที่ 12-15 พฤศจิกายน 2554 รวม 4 วัน ๆ ละ 1 วิชา เริ่มสอบเวลา 13.00 น. ทั้ง 4 วันให้เวลาวิชาละ 3 ชั่วโมง
3. ธรรมศึกษาทุกชั้น กำหนดสอบวันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2554 ในภาคเช้า สอบวิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม เริ่มสอบเวลา 08.30 น. ให้เวลา 3 ชั่วโมง ภาคบ่ายสอบวิชาธรรม วิชาพุทธ และวิชาวินัย ให้วิชาละ 50 นาที เริ่มสอบเวลา 13.00 น.